มารู้จัก 5 ประเภทกระจก
มารู้จัก 5 ประเภทกระจก เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน
มารู้จัก 5 ประเภทกระจก เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน
ปัจจุบันกระจกเป็นองค์ประกอบสำคัญในวงการออกแบบ และงานตกแต่งอย่างเต็มรูปแบบไปแล้ว เพราะนอกจากจะมีคุณสมบัติที่ตอบสนองการการใช้งานได้อย่างครบครัน ยังช่วยให้แต่ละสถานที่มีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเลือกใช้กระจกให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเรื่องของแสง ความร้อน และความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก วันนี้เราจึงได้รวบรวมเกร็ดความรู้ ฉบับเข้าใจง่ายมาฝากทุกคนกัน
1.กระจกเทมเปอร์ (Glastem)
เริ่มกันประเภทกระจกเทมเปอร์กันเลย เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน นักออกแบบ หรือผู้รับเหมาวางใจเลือกใช้กันมาก โดยเป็นการนำกระจกธรรมดา (โฟลต) เข้าสู่กระบวนการอบความร้อน ประมาณ 650 องศา และรีบเป่าให้เย็นในทันที จากนั้นเราจะได้กระจกที่แข็งแรงมากกว่ากระจกทั่วไป นั่นเอง ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม
คุณสมบัติ
- มีความแข็งแรงมากกว่ากระจกธรรมดา
- สามารถรับแรงกระแทก แรงลม บีบกดได้ดี
- ทนต่อสภาพอากาศได้ดีกว่ากระจกทั่วไป ทนความร้อนสูง แม้มีความเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิอย่างฉับพลัน
- หากมีการแตก จะช่วยลดอันตรายได้ ตัวกระจกจะไม่มีความคมเหมือนปากฉลาม แต่จะแตกเป็นเม็ดเล็กๆ
การนำไปใช้งาน
- สามารถใช้ออกแบบทำเป็นหน้าต่าง ผนังอาคาร ผนังกระจกตามสถานที่ในบริเวณที่ต้องเผชิญกับความร้อน
- สามารถใช้เป็น ชั้นวางของ ตู้โชว์สินค้าสารพัดชนิด ให้ความรู้สึกที่มองไม่รกหูรกตา ดูสมัยใหม่
- สามารถใช้เป็นราวระเบียงกันตก เพื่อสร้างความทันสมัย และยกระดับให้กับพื้นที่น่าสนใจขึ้น
- สามารถใช้เป็นประตูบานเปลือย ฉากกั้นอาบน้ำ ทำให้ดูน่าใช้งาน พร้อมสร้างความสว่างกับพื้นที่ภายใน
2.กระจกลามิเนต Laminated Glass
ต่อมากระจกที่ถูกนิยมใช้ควบคู่พร้อมเทมเปอร์เลย เป็นกระจกนิรภัยลามิเนต จะประกอบไปด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่น ขึ้นไป นำมาประกับกัน แผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral) ขั้นอยู่ระหว่างกลาง เพื่อให้ตัวกระจก แข็งแรงทนทานขึ้น ตัวกระจกสามารถนำมาสร้างสรรค์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะมิกซ์ด้วยลายผ้า ฟิลม์สี หรือนำไป ลามิเนต กับเทมเปอร์ กระจกสะท้อนแสง ได้อีกด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
คุณสมบัติ
- ช่วยสร้างสีสัน หรือรูปแบบการตกแต่งได้หลากหลาย
- ช่วยเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีกว่ากระจกธรรมดาทั่วไป
- ช่วยลดแสงจ้า และป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตมากถึง 90%
- ช่วยลดอันตรายจากการแตก เพราะกระจกจะไม่ล่วงหล่นมา เศษกระจกยังคงยึดติดกับฟิล์ม
- ปกป้องพื้นที่ส่วนตัวจากการลุกล้ำ หรือโจรกรรมได้
การนำไปใช้งาน
- สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอก เช่น บานประตู-หน้าต่าง พื้น หรือพื้นที่ ที่ต้องเซฟการบุกรุก รวมถึงงานอาคารสูง ตามกฎหมายควบคุมอาคาร
- สามารถใช้เป็นราวระเบียงกันตก ราวบันได
- สามารถใช้ทำเป็นกระจกนิรภัย สำหรับงานเฟอร์นิเจอร์
3.กระจกสีตัดแสง (Tinted Glass)
ปัจจุบันกระจกสีตัดแสงนิยมเลือกใช้ตามโครงการหมู่บ้านจัดสรรมากมาย เป็นกระจกที่ผลิตขึ้นโดยการผสมโลหะออกไซต์เข้าไปในขั้นตอนการผลิต จึงทำให้ตัวกระจกเกิดเฉดสีสันที่สวยงาม เช่น สีเขียว สีชา สีฟ้า ทำให้เกิดความรู้สึก สบายตา ผ่อนคลาย เย็นสบาย
คุณสมบัติ
- ป้องกันรังสี UV และช่วยดูดกลืนความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องกระทบ
- ลดปริมาณแสงจ้าที่ผ่านกระจก (ขึ้นอยู่กับสี และความหนา) ทำให้ได้แสงที่เป็นธรรมชาติ นุ่มนวล
- ช่วยลดการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
การนำไปใช้งาน
- สามารถใช้งานได้ทั้งภายใน และภายนอก เช่น กลุ่มโครงการบ้าน คอนโด ออฟฟิศสำนักงาน เพราะตัวกระจกสี จะตัดแสงไม่ให้เข้ามาภายในมาก ขณะเดียวกันก็ช่วยกรองแสงแดดไปด้วย
- (ควรใช้เป็นเทมเปอร์ หรือลามิเนต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความแข็งแรง ความปลอดภัยมากขึ้นไปอีก)
4.กระจกฉนวนกันความร้อน (igglas)
หรือเรียกกันคุ้นหูว่ากระจกอินซูเลท เป็นกระจกที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ลักษณะของกระจกจะประกอบไปด้วยกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไป มีช่องว่างระหว่างกระจก 1-2 ช่อง ซึ่งมีช่องอากาศหรือ air gap อยู่ระหว่างกระจกที่บรรจุสารดูดความชื้น โดยรอบของตัวกระจกทุกด้านจะใส่ฉนวน เช่น อากาศแห้ง หรือก๊าซเฉี่อยไว้ภายใน แต่ขณะเดียวกันเรายังสามารถมองทะลุได้เหมือนกระจกทั่วไป
คุณสมบัติ
- ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนระหว่างภายใน-ภายนอกได้เป็นอย่างดี
- ช่วยประหยัดพลังงาน เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก
- ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายใน และภายนอก แม้แตกต่างกันมากก็จะไม่ทำให้เกิดฝ้า หรือหยดน้ำบนกระจก
การนำไปใช้งาน
- เหมาะกับงาน ตึกสูง สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล และสนามบิน
- ห้องที่ต้องกรควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลา เช่น อาคารเก็บอาหาร ห้องเก็บไวน์ พิพิธภัณฑ์
5.กระจกสะท้อนความร้อน (Reflective)
กระจกสะท้อนความร้อน เป็นวัสดุที่กลุ่มวงออกแบบอุตสาหกรรมก่อสร้าง เลือกใช้งานกันแพร่หลาย ค่อนข้างเป็นวัสดุที่เฉพาะทาง เป็นการนำกระจก Float ไปปรับปรุงผิวด้วยการเคลือบออกไซด์ของโลหะ สังเกตง่ายๆ เมื่อมองจากภายนอกอาคารจะคล้ายกระจกเงา หากมองจากภายในอาคารอาคารจะเป็นกระจกสีตัดแสง ความโปร่งแสงต่ำคนภายนอกมองเข้ามาภายในได้ลําบาก แต่คนภายในมองออกภายนอกได้ชัด นั่นเอง
คุณสมบัติ
- จะช่วยลดพลังงานความร้อนที่เข้ามาภายในอาคารได้เป็นอย่างมาก
- ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว ด้วยการสะท้อนกลับแบบกระจกเงา ด้านสว่างกว่ามองเข้ามาภายในแทบไม่เห็น
- ช่วยลดภาระของระบบการทำงานเครื่องปรับอากาศ
การนำไปใช้งาน
- เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคาร เช่น อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ไม่เหมาะกับที่พักอาศัยทั่วไป
- เนื่องจากในช่วงค่ำคืน หากมีผู้ใช้งานด้านใน กระจก Reflective จะทำให้เกิดการเห็นเงาสะท้อน ส่งผลให้เกิดการไม่สบายตาเวลามองเห็น แต่กรณีทีใช้ตามอาคารสำนักงาน ช่วงเวลากลางวัน จุดนี้จะทำให้รู้สึกสบายตา มากขึ้น