The Jewel โดมกระจกแก้วสุดล้ำของสิงคโปร์ กับดีไซน์ท้าทายที่ต้องกันร้อนและกันเสียง

The Jewel Changi

สัมผัสความล้ำสมัย ผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมโดมกระจกขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมความท้าทายในการดีไซน์อาคารกระจกให้มาพร้อมน้ำตกในร่มขนาดใหญ่ ภายใต้โจทย์ในการใช้กระจกอาคารที่ต้องสามารถกันร้อน กันเสียงได้ดี แต่ยังเปิดรับแสงธรรมชาติผ่านกระจกได้อย่างเหมาะสม ท่ามกลางความรู้สึกชวนผ่อนคลาย

The Jewel โดมกระจกแก้วสุดล้ำของสิงคโปร์

The Jewel Changi Airport หรือ “The Jewel” เป็นอาคารที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างโดมกระจกสุดล้ำขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง Moshe Safdie ผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมเลื่องชื่ออย่าง Marina Bay Sand ซึ่งไม่เพียงโครงสร้างอันซับซ้อนของ The Jewel ที่สร้างความสวยงามได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นนวัตกรรมทางวิศวกรรมที่สามารถควบคุมสภาพอากาศ แสง และเสียง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เป็นศูนย์กลางแห่งการพักผ่อน ช้อปปิ้ง และความบันเทิง ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งเข้ากับนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ภายใต้แนวคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเรื่อง Avatar

The Jewel โดมกระจกแก้วสุดล้ำของสิงคโปร์

ดีไซน์อันโดดเด่นและท้าทาย

โดมกระจกของ The Jewel ประกอบขึ้นจากกระจกมากกว่า 9,000 แผ่น ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความโปร่งใสและการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารให้คงความเย็นสบาย ถึงแม้จะเป็นงานสถาปัตยกรรมโดมกระจกขนาดใหญ่ แต่กลับดูโปร่งโล่งและสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถเปิดรับแสงภายนอกเข้าสู่ด้านในอาคารได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของต้นไม้ในสวนแห่งนี้ โดยกระจกแต่ละแผ่นจำเป็นต้องมีคุณสมบัติพิเศษในการกันความร้อนเพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคาร ลดปริมาณความร้อนจากแสงแดดโดยตรง แต่ไม่ทำให้เกิดการสะท้อนแสงที่รบกวนการจราจรทางอากาศบริเวณรอบสนามบิน โดยตัวกระจกยังมีช่องว่างอากาศขนาด 16 มม. ซึ่งสามารถช่วยลดเสียงจากเครื่องบินขึ้นและลงได้เป็นอย่างดี

The Jewel โดมกระจกแก้วของสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์

The Jewel โดมกระจกแก้วสุดล้ำของสนามบิน Changi Singapore

กันเสียงน้ำตกขนาดยักษ์ได้เงียบสนิท

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ The Jewel คือ “Rain Vortex” น้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 40 เมตร ที่ไหลลงมาจากใจกลางอาคารของยอดโดมชั้น 5 ลงสู่ชั้นใต้ดิน ซึ่งนอกจากจะสร้างทัศนียภาพที่น่าทึ่งที่ชวนประทับใจแล้ว ยังเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมในการควบคุมเสียงน้ำตกให้ไม่รบกวนพื้นที่ในบริเวณด้านล่างที่น้ำตกจะไหลลงไปกระทบจนเกิดเสียงดัง โดยเสียงน้ำกระทบจะค่อย ๆ เบาลงจนเงียบสนิท ซึ่งเกิดจากการใช้กระจกแผ่นหนาขนาดใหญ่ที่เป็นเหมือนกระบอกแก้วล้อมรอบน้ำที่ตกลงมาเอาไว้ โดยน้ำที่ตกลงมาด้านล่างจะไหลรวมไปยังระบบหมุนเวียนเพื่อนำมาใช้เป็นน้ำตกอีกครั้ง

Rain Vortex น้ำตกในร่มขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ความยั่งยืนและการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

The Jewel ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่ยังออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีการหมุนเวียนน้ำในระบบปิดเพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำในการสร้าง Rain Vortex น้ำตกขนาดใหญ่ และยังมีระบบระบายอากาศอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในให้เย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานสูง ด้วยการออกแบบที่ผสานความงาม นวัตกรรม และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน The Jewel จึงเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของสถาปัตยกรรมที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการสัมผัสความมหัศจรรย์ของการออกแบบที่เหนือระดับแห่งนี้

The Jewel โดมกระจกแก้วสุดล้ำของสิงคโปร์

การควบคุมแสงธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในจุดเด่นของ The Jewel คือความสามารถในการควบคุมแสงธรรมชาติให้เข้ามาสู่ภายในอาคารได้อย่างสมดุล การเลือกใช้กระจกแบบพิเศษช่วยให้แสงแดดสามารถส่องผ่านได้ในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่ทำให้ภายในร้อนเกินไป การออกแบบนี้จึงช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับแสงสว่างและยังสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นธรรมชาติให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม

โดมกระจก The Jewel

สถาปัตยกรรมที่สอดรับกับธรรมชาติ

โดมกระจกของ The Jewel ไม่เพียงแต่เป็นผลงานทางวิศวกรรมที่ล้ำสมัย แต่ยังออกแบบมาให้สอดคล้องกับแนวคิด Biophilic Design หรือการผสมผสานธรรมชาติเข้ากับสถาปัตยกรรม โดยตัวอาคารได้รับการออกแบบให้สามารถปลูกพืชพรรณภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่มากมายที่ช่วยให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับธรรมชาติได้ดีแม้จะเป็นพื้นที่อาคารปิด

The Jewel Changi, Singapore

The Jewel จึงนับว่าเป็นตัวอย่างของการออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมที่สามารถผสานความสวยงามเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัว ด้วยการออกแบบอาคารจากกระจกที่มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งช่วยให้ตัวอาคารดูโปร่งใส เปิดรับแสงธรรมชาติ และประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน ทั้งยังสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ทำให้ The Jewel ไม่เพียงแต่เป็นแลนด์มาร์คที่น่าสนใจของสิงคโปร์ แต่ยังเป็นตัวอย่างของการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนและล้ำสมัย

Share the Post: