ออกแบบสถาปัตยกรรมให้ยั่งยืน ด้วยมาตรฐานกระจกที่เป็นมิตรกับชีวิตและสิ่งแวดล้อม

มากกว่าความสวยงาม และความสะดวกสบายที่ครบครัน คือการออกแบบสถาปัตยกรรมที่สามารถยกระดับการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพ ด้วยองค์ประกอบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่ง “กระจก” นับเป็นหนึ่งในวัสดุสำคัญที่สามารถรังสรรค์บรรยากาศของการใช้ชีวิตให้เป็นมิตร ตามมาตรฐาน LEED หรือการประเมินอาคารสีเขียว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันวัสดุ “กระจก” เข้ามามีบทบาทต่องานสถาปัตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นวัสดุที่ได้รับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การออกแบบอาคารสมัยใหม่ ที่หันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะอาคารประเภทสำนักงาน บ้าน คอนโด รวมถึงสถานบริการต่าง ๆ ซึ่งนอกจากมีการออกแบบบ้านและอาคารเพื่อความสวยงามและเน้นฟังก์ชันที่สะดวกสบายแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบสถาปัตยกรรมอาคารให้ผ่านการรับรองมาตรฐาน Green Building อย่าง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) หลักเกณฑ์ในการประเมินอาคารสีเขียวจากอเมริกาเหนือด้วยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่มีการคำนึงถึงผลกระทบต่อการอยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมโดยรอบอาคารเป็นหลัก
ด้วยเหตุนี้เอง จึงสามารถมั่นใจได้ว่า การออกแบบบ้านและอาคารที่มีการเลือกใช้วัสดุ “กระจก” ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคาร LEED จะช่วยทำให้แบบบ้านและอาคารผ่านการประเมินตามเกณฑ์มาตรฐาน LEED ได้มากขึ้น ลองมาดูกันว่า “กระจก” สามารถเพิ่มค่ามาตรฐาน LEED ให้บ้านและอาคารผ่านเกณฑ์การประเมินได้อย่างไร
มอบความเย็นสบาย ลดการใช้พลังงานได้จริง
เพราะ “กระจก” เป็นวัสดุที่สามารถ Custom ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ลงตัวกับสภาพแวดล้อมและการใช้งานได้อย่างลงตัว จึงมีส่วนช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ด้านในบ้านและอาคารได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้กระจกบางชนิดยังสามารถเปิดรับแสงสว่างจากธรรมชาติให้เข้าสู่พื้นที่ด้านในได้อย่างเต็มที่ แต่ยังคงความเย็นสบายได้ดี อาทิเช่น กระจกสีตัดแสง (Tinted Glass), กระจกสะท้อนแสง (Solar Control Glass), กระจกโลว์อี (Low-E Glass) ไปจนถึงกระจกประหยัดพลังงาน (Energy Saving Green)
วัสดุที่เป็นมิตรต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
“กระจก” นับเป็นวัสดุออร์แกนิกชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นทราย ซิลิกา โซเดียมคาร์บอเนต และหินตะกอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงนับเป็นวัสดุโปร่งแสงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อใช้งานซ้ำได้ตามต้องการ
กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน
อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามในการออกแบบบ้านและอาคาร คือการพิจารณาถึงค่ากำหนด IEQ (Indoor Environmental Quality) หรือคุณภาพของสิ่งแวดล้อมภายใน โดยมีการกำหนดไว้ว่า วัสดุที่ใช้ในอาคารห้ามมีสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (Volatile Organic Compounds) หรือ NON- VOCs ซึ่งวัสดุ “กระจก” ที่ดี ควรเริ่มต้นจากกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ หากมีการเลือกใช้กระจกแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน ก็สามารถมั่นใจได้ว่าทุกกระบวนการผลิตกระจกจะปราศจากสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย และพร้อมมอบความปลอดภัยต่อการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อม พร้อมคุณสมบัติที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน LEED ได้อย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับ Kool Max กระจกประหยัดพลังงานจาก TYK Glass ซึ่งได้รับการพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยที่เย็นสบายในทุกช่วงเวลา ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของ กระจกประหยัดพลังงาน Kool Max ที่มีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงาน โดยการเปิดรับให้แสงสว่างผ่านเข้าพื้นที่ด้านในได้มากกว่าความร้อนถึง 20% อีกทั้งยังมาพร้อมประสิทธิภาพในการที่สามารถกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายได้มากถึง 99.99% จึงทำให้พื้นที่ภายในอาคารเย็นสบาย ภายใต้บรรยากาศความโปร่งโล่งที่เหมาะสมกับการพักอาศัยอย่างลงตัว
มากไปกว่านั้น กระจกประหยัดพลังงาน Kool Max ยังได้รับการพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ให้บ้านและอาคารผ่านเกณฑ์มาตรฐาน LEED ซึ่งสามารถตอบโจทย์การออกแบบบ้าน คอนโด โรงแรมที่พัก โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานที่ต่าง ๆ ให้ผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐานอาคารเขียวที่เป็นมิตรต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
เพราะการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ดี คือองค์ประกอบสำคัญที่มีผลต่อการพักอาศัยและใช้ชีวิตในแต่ละวัน การเลือกสรรวัสดุกระจกที่สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ปลอดภัยและเย็นสบาย ภายใต้กระบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน จึงสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง